การจะมีรถยนต์สักคันนึง กว่าจะซื้อก็คิดแล้วคิดอีก เพราะราคาของมันค่อนข้างสูง กว่าจะตัดสินใจซื้อได้ ก็มีค่าใช้จ่ายมากมาย ดังนั้นเมื่อได้เป็นเจ้าของแล้วก็ย่อมที่จะหวงแหนคอยดูแลรักษาให้รถอยู่คู่ใจกับเราไปนาน ๆ ซึ่งการดูแลรักษารถยนต์นั้นมีหลาย ๆ ส่วนที่เราต้องใส่ใจ ทั้งเรื่องภายในและภายนอกรวมไปถึงเรื่องของ ระบบไฟฟ้า ภายในต่าง ๆ ในตัวรถ 1. ไดชาร์จ (Alternator) ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของรถยนต์ จะทำหน้าที่ผลิตไฟฟ้า โดยอาศัยกำลังเครื่องยนต์ทำการส่งกำลังมาทางสายพานเพื่อให้ไดชาร์จหมุนปั่นกระแสไฟออกมาใช้ทำให้รถยนต์สามารถขับเคลื่อนได้ รถยนต์ที่มีอายุการใช้งานที่นานแล้ว มักจะพบปัญหาไดชาร์จเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน เมื่อหมดอายุก็ต้องเปลี่ยนอันใหม่เพื่อให้ระบบไฟฟ้าทำงานต่อไปได้ วิธีสังเกตอาการเสื่อม เมื่อไดชาร์จมีปัญหา ระบบไฟทั้งหมดจะเริ่มอ่อนลง เช่น แอร์เริ่มไม่เย็น ไฟหน้ามีการพริบหรี่ หรือพบว่าความร้อนเพิ่มขึ้นเนื่องจากพัดลมหมุนไม่แรงพอ ระหว่างที่ไดชาร์จส่งสัญญาณอ่อนกำลัง จะยังสามารถวิ่งต่อได้อีกสักพักจนไฟหมดแล้วรถยนต์จะดับไป ช่วงที่เริ่มจับอาการได้ให้รีบประคองรถเข้าอู่เพื่อทำการซ่อมหรือเปลี่ยนโดยทันที 2. แบตเตอรี่ (Battery) ทำหน้าที่เก็บไฟสำรองเมื่อไดชาร์จปั่นกระแสไฟมา เมื่อไฟเหลือใช้จากการปั่นไฟจะมาเก็บเอาไว้ที่แบตเตอรี่จนเต็ม เมื่อไดชาร์จผลิตกระแสไฟไม่ทันแบตเตอรี่จะออกมาจ่ายกระแสไฟทดแทนให้ รวมไปถึงตอนสตาร์ทเครื่องยนต์ที่จะมีการใช้ไฟกำลัง ระบบไฟฟ้าจึงต้องอาศัยกระแสไฟจากแบตเตอร์รี่มาหมุนไดสตาร์ทก่อน เพราะไดร์ชาร์จไม่สามารถปั่นไฟได้เพียงพอได้ในขฯนั้น เมื่อเครื่องยนต์ติด ระบบไฟฟ้าก็จะกลับเข้าสู่วงจรเดิม การดูแลรักษาแบตเตอรี่ หมั่นเปิดฝากระโปรงรถคอยตรวจเช็ค คอยเติมน้ำกลั่นอยู่บ่อย ๆ เพราะการปล่อยให้น้ำกลั่นแห้งอยู่เป็นประจำจะส่งผลให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่สั้นลง ดังนั้นการคอยเติมน้ำกลั่นจะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว 3. โวลต์ (Voltage) คือค่าความต่างศักย์ของไฟฟ้าในรถยนต์ […]
Tag Archives: แบตเตอรี่
การตรวจ เช็คแบตรถยนต์ ของคุณนั้นเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยในการบำรุงรักษารถยนต์ของคุณให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ซึ่งแบตเตอรี่รถยนต์ถือเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้รถยนต์ของคุณทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพได้ก็คือการเชื่อมต่อแบตเตอรี่ที่ดี หากการเชื่อมต่อของแบตเตอรี่ไม่ดีก็จะทำให้การเผาไหม้ของเครื่องยนต์ตลอดจนถึงอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ภายในรถยนต์ทำงานได้ไม่ราบรื่น ซึ่งวิธีการตรวจเช็คแบตเตอรี่เบื้องต้นเราสามารถทำเองได้ง่ายๆ ดังนี้ 1. รถยนต์สตาร์ทติดยาก ให้เราสังเกตทุกครั้งที่เราขับรถว่ารถยนต์ของเรานั้นสตาร์ทติดยากรึป่าว ถ้าเราใช้เวลาสตาร์ทรถของเรานานกว่าผิดปกตินั่นแปลว่ากำลังสตาร์ทของแบตเตอรี่เราลดลง เพราะฉะนั้นเราควรที่จะเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ของเราใหม่ หรือไม่ก็นำไปตรวจเช็คสภาพเราจะดีกว่า 2. ความดังของแตรเราลดลง เมื่อเราบีบแตร เราอาจจะไม่เคยสังเกตว่าเอ๊ะ! แตรมันเสียงเบาลงได้ด้วยหรอ คำตอบคือได้ ถ้าเมื่อไหร่ที่เราบีบแตรแล้วเสียงนั้นเบาลง นั่นเป็นสัญญาณว่าแบตเตอรี่รถของเราได้เสื่อมสภาพแล้วนะ เตรียมตัวพารถยนต์เราเข้าศูนย์ได้เลย 3. ระดับน้ำของแบตเตอรี่ลดลงกว่าปกติ แน่นอนว่าเมื่อแบตเตอรี่รถยนต์ของเราได้ถูกใช้งานมาเป็นเวลานาน แผ่นธาตุก็จะมีการเสื่อมสภาพหรือสึกหรอ ซึ่งเป็นอีก 1 สาเหตุที่ทำให้ระดับน้ำในแบตเตอรี่ลดลงมากกว่าปกตินั่นเอง 4. แบตเตอรี่ของเราใช้งานมานานปีกว่า ในแบตเตอรี่รถยนต์นั้นจะมีแผ่นธาตุ เมื่อแผ่นธาตุนั้นถูกใช้งานเป็นเวลานานกว่าปี อาจจะทำให้แผ่นธาตุนั้นมีการสึกหรอที่เกิดจากการกัดกร่อนของสารละลายในแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ประสิทธิภาพในการกักเก็บไฟนั้นลดลง เราควรที่จะนำรถยนต์ของเราไปเข้าศูนย์เพื่อเช็คและเปลี่ยนได้แล้ว แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้เลย คือ เราต้องรู้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่รถยนต์ของเรา โดยทั่วไปแล้ว แบตเตอรี่จะมีอายุการใช้งาน 1.5-2 ปี หากไม่จอดรถทิ้งไว้นานๆ เพราะการจอดรถทิ้งไว้นานๆ นั้นก็เป็นการทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพได้เร็วขึ้น หากคุณพิจารณาอายุการใช้งาน ระยะเวลาที่จดรถทิ้งไว้ แล้วพบว่าเหล่าอาการที่บอกไปก่อนหน้า เกิดขึ้นกับรถคุณ ถึงเวลาที่คุณจะต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่แล้ว