รถ 5 ประตูคืออะไร

รถยนต์ 5 ประตู หรือรถยนต์แฮทช์แบ็ค เป็นรถยนต์นั่งลักษณะคล้ายรถซีดาน เพียงแต่มีช่วงท้ายที่สั้นกว่ารถซีดาน หรือที่เรียกกันว่าท้ายตัด เนื่องจากกระโปรงท้ายรถจะไม่ลาดเอียงเหมือนกับรถซีดาน แต่จะถูกเปลี่ยนสภาพให้เป็นประตูที่ 5 และห้องโดยสารจะเชื่อมต่อกับพื้นที่เก็บสัมภาระเข้าด้วยกัน ทำให้พื้นที่เก็บสัมภาระกว้างขวางยิ่งขึ้น เราเรียกกันว่ารถยนต์ 5 เนื่องจากการนับฝากระโปรงท้ายเป็นอีก 1 ประตู รถยนต์ 5 ประตูได้ทำตลาดครั้งแรกตั้งแต่ปี 1930 แต่ไม่ได้รับความนิยมมากนัก ในประเทศบ้านเรา รถยนต์ 5 ประตูเริ่มได้รับความสนใจหลังจากที่ค่าย Honda เปิดตัว Honda Jazz รุ่นแรกในประเทศ จนถึงปัจจุบัน ตลาดรถยนต์ HATCHBACK ได้เติบโตพัฒนาอย่างรวดเร็ว และค่ายรถได้เพิ่มทางเลือกเป็นจำนวนมากให้แก่ลูกค้าเพื่อเอาใจคนรักรถยนต์แฮทช์แบ็ค ข้อดีของรถยนต์ 5 ประตู มีดังนี้  สามารถใช้งานได้หลากหลาย สมกับชื่อเรียกรถอเนกประสงค์ 5 ประตู เหมาะกับไลฟ์สไตล์ชีวิตที่หลากหลาย ชื่นชอบความสะดวกสบาย พื้นที่ห้องโดยสาร และพื้นที่เก็บสัมภาระกว้างขวาง สามารถขนของชิ้นใหญ่ หรือของทรงสูง อย่างตู้ ชั้นวางของ หรือโซฟาขนาดย่อมได้ เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนเมืองที่นอกจากความอเนกประสงค์ในการใช้งานแล้ว ยังช่วยให้การขับรถในที่แคบ […]

รถซีดาน (Sedan Car) คืออะไร

รถยนต์ประเภท Sedan (ซีดาน) หรือที่บางคนก็เรียกว่ารถยนต์ประเภท Saloon (ซาลูน) คือ กลุ่มรถยนต์นั่งส่วนบุคคล หรือรถเก๋งที่มี 4 ประตู ถือว่าเป็นรูปแบบพื้นฐานรูปแบบแรก ๆ ของการผลิตรถยนต์ ที่มีลักษณะโดยหลักการว่ารถยนต์ประเภท Sedan จะมีการวางเครื่องยนต์อยู่ด้านหน้าของตัวรถ หลังรถมีกระโปรงเก็บของ มีที่นั่งสำหรับผู้โดยสาร 4 ที่นั่งหรือมากกว่า หลังคารถเป็นส่วนหนึ่งของตัวรถ ไม่สามารถถอดออกหรือเปิดประทุนได้ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นแบบ 4 ประตูหรือ 2 ประตูก็จะเรียกว่ารถยนต์ประเภท Sedan ทั้งหมด แต่ในระยะหลังมักเรียกรถ Sedan 2 ประตูว่า Coupe (คูเป้) ตัวอย่างรถยนต์ประเภท Sedan (ซีดาน)  รถ Sedan Toyota Camry 2019 รุ่นแรกที่ถือว่าเป็นรุ่นเด่นในกลุ่ม Sedan ของประเทศไทย คือ Toyota Camry ซึ่งเป็นรถยนต์รุ่นที่ราคุ้นเคยเป็นอย่างดี รวมถึงมีกระแสแรงมากในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ด้วยการปรับโฉมใหม่ทั้งหมด ให้โดดเด่น สะดุดตา […]

ดูแลรถสีขาวไม่ให้หมอง

หากพูดถึงรถสีขาวนั้น ก็ยังคงเป็นสีที่หลาย ๆ คนนิยม และชื่นชอบอยู่เสมอ แต่รถสีขาวเป็นสีที่ค่อนข้างรักษาได้ยากกว่าสีอื่น ๆ เพราะเมื่อใช้ไปนาน ๆ ก็อาจจะทำให้รถหมองลงได้ แต่อย่าเพิ่งกังวลไปเลย เพราะวันนี้เรามีเทคนิคดูแลรถสีขาวอย่างไรไม่ให้หมองมาฝากทุกท่านกัน ดังนี้ ควรล้างรถอยู่เป็นประจำ การล้างรถเป็นการทำความสะอาดรถ เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่อาจจะฝังแน่นบนตัวรถ ไม่ว่าจะเป็นโคลน คราบน้ำมัน ฝุ่น หรือคราบน้ำฝน ซึ่งเป็นเหตุทำให้รถของเราเหลือง เพราะถ้าปล่อยไว้นาน สิ่งเหล่านี้จะทำอันตรายชั้นสีผิวได้ แต่การทำความสะอาดนั้น ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์แชมพูสำหรับล้างรถเท่านั้น ห้ามใช้สารเคมีชนิดรุนแรงเด็ดขาด เพราะอาจจะส่งผลเสียต่อสีรถของท่านได้ เช็ดรถให้แห้งทันที หลังล้างรถ หลังจากที่เราล้างรถเสร็จแล้ว ในทุก ๆ ครั้ง ควรเช็ดรถให้แห้งสนิทก่อน ไม่ควรปล่อยให้รถตากแดดให้แห้งเองเด็ดขาด ต้องเช็ดให้แห้งทันที โดยอาจจะใช้ ผ้าชามัวร์ หรือ ผ้าสำหรับเช็ดรถเฉพาะ เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดรอยที่สีรถ และควรเช็ดให้แห้งทุกจุด จะได้ไม่เกิดร่องรอยจากคราบหยดน้ำนั่นเอง หลีกเลี่ยงการจอดรถตากแดดนาน ๆ ที่จอดรถประจำไม่ว่าที่บ้านหรือที่ทำงานของคุณ ต้องจอดในที่ร่มเท่านั้น ถ้าหากเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ หากจำเป็นต้องตากแดดก็ควรใช้ผ้าคลุมรถแบบที่สามารถกันแดดได้ด้วย จะช่วยบรรเทาได้พอสมควร โดยเลือกผ้าคลุมคุณภาพดีหน่อย หากเลือกใช้ผ้าเกรดไม่ดีอาจมีปัญหาเรื่องผ้าละลายติดกับรถได้ […]

วิธีดูอู่ซ่อมรถยนต์ให้ไม่ถูกโกง

หลายคนที่ต้องการใช้บริการอู่ซ่อมรถ ไม่ว่าจะตรวจเช็กสภาพเครื่องยนต์ บำรุงรักษารถ หรือซ่อมแซมรถ มักจะกังวลว่าทางอู่ซ่อมรถจะคิดค่าบริการแพงเกินจริงหรือเปล่า เนื่องจากตัวเราเองก็ไม่ค่อยมีความชำนาญเรื่องรถยนต์มากนัก นับว่าเปิดโอกาสทำให้อู่รถยนต์หลายแห่งสร้างกลอุบายขึ้นมา แล้วเพื่อไม่ให้เราโดนเอาเปรียบ งั้นลองมาดูเทคนิคเลือกอู่ซ่อมรถยนต์ไม่ให้โดนหลอกกันเลยดีกว่า 1. อู่ซ่อมรถต้องมีมาตรฐาน และน่าเชื่อถือได้ ถ้าหากเลือกอู่ซ่อมรถดีๆ ได้แล้ว เราจะนำรถเข้าซ่อมที่อู่นั้นเป็นประจำอย่างแน่นอน แต่ถ้าเจออู่ซ่อมที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่รับประกันงานซ่อม อาจสร้างปัญหาหนักอกหนักใจให้กับเจ้าของรถได้ อำนาจการตัดสินใจเป็นของคุณ เลือกอู่ที่ดีมีมาตรฐานดีกว่าจะมานั่งเสียใจภายหลัง โดยวิธีการดูว่าอู่ไหนมีความน่าเชื่อถือสามารถดูได้หลายวิธี แต่หลักประกันที่เชื่อถือได้มากที่สุดคืออู่ที่มีเอกสารเกี่ยวกับอู่ หรือมีใบระบุเงื่อนไขในการซ่อม เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันของช่างและเจ้าของรถ และเพื่อยืนยันว่าคุณนำรถมาซ่อมจริง ๆ นั่นเอง 2. เช็กอุปกรณ์ และความพร้อมของเครื่องมือ ต่อมาให้เราสังเกตว่า อุปกรณ์เครื่องมือในการซ่อมแซมนั้นมีคุณภาพหรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องของการเปลี่ยนยางรถยนต์ บางอู่มักจะนำยางเก่าที่ค้างสต็อกมาเปลี่ยนให้กับเราก่อน แต่แท้ที่จริงแล้วยางรถยนต์ควรจะมีอายุไม่เกิน 3 ปี เพราะฉะนั้นเราจะต้องตรวจสอบอุปกรณ์ให้ดี ๆ รวมถึงความพร้อมของเครื่องมือในซ่อมรถของเราด้วย 3. เลือกอู่ซ่อมรถที่มีรับประกันหลังซ่อม ถึงแม้รถยนต์ของคุณจะซ่อมเสร็จไปแล้ว แต่เราก็ควรจะต้องเช็กด้วยว่าอู่ซ่อมรถดังกล่าวมีการรับประกันหลังงานซ่อมหรือไม่ รวมถึงงานบริการซ่อมที่ดีให้กับลูกค้าด้วย โดยอู่ซ่อมรถที่ดีนั้นจะต้องคอยติดต่อแจ้งความคืบหน้าในการส่งซ่อมรถให้กับลูกค้า และทำให้ลูกค้าพึงพอใจได้การบริการให้ได้มากที่สุด 4. เลือกอู่ซ่อมรถที่มีการระบุราคาค่าซ่อมรถอย่างชัดเจน สำคัญมากคือการคุยกับอู่ซ่อม ว่า “รถมีอะไรเสียหายบ้าง” ซ่อมตำแหน่งไหน จุดไหนที่ต้องซ่อม ตรวจสอบให้ละเอียด […]

วิธีดูแลรถสีดำ

บทความนี้ได้รวบรวมเทคนิควิธีดูแลรถสีดำหรือสีอื่น ๆ ให้ใหม่อยู่เสมอ ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าหากรถของคุณมีสีที่หม่นหมอง จะทำให้รถดูเก่ากว่าที่ควร แต่หากรถคุณมีสีสันที่ใหม่อยู่เสมอ จะทำให้รถของคุณดูไม่เก่ากว่าที่ควรจะเป็น พร้อมทั้งยังถูกมองได้ว่าคุณดูแลรักษารถได้ยอดเยี่ยม ทั้งนี้วิธีดูแลรถสีดำหรือสีอื่น ๆ ไม่ได้มีความยุ่งยากหรือซับซ้อนแต่อย่างใด โดยวิธีการดูแลต่าง ๆ มีดังนี้ 1. หมั่นล้างรถสีดำบ่อย ๆ ควรล้างรถสีดำอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง หากใครสะดวกในการล้างเองควรใช้แชมพูที่ใช้ล้างรถโดยเฉพาะ หากไม่สะดวกก็ใช้บริการร้านคาร์แคร์ใกล้ ๆ บ้านที่คุณไว้ใจก็จะสะดวกขึ้น แต่ต้องกำชับเจ้าหน้าที่ทางร้านคาร์แคร์ดี ๆ ว่าให้ระวังอย่าให้เกิดริ้วรอย ขีดข่วนเด็ดขาด 2. หลีกเลี่ยงการจอดรถสีดำตากแดด อันนี้ก็คล้ายวิธีการดูแลรถสีขาว ไม่ว่าจะเป็นรถสีไหน ๆ ก็ไม่ควรจะจอดตากแดดบ่อย ๆ หากว่าจำเป็นจริง ๆ ก็ควรใช้ผ้าคลุมรถแบบที่มีคุณสมบัติกันแสง UV จากแสงแดดได้ด้วยจะได้ช่วยปกป้องสีดำของรถเรา ไม่ให้สีหมองซีด 3. ควรฉีดน้ำล้างก่อนทำความสะอาดรถสีดำ หากต้องการทำความสะอาดแค่บางส่วน โดยไม่ใช่การล้างรถทั้งคัน ควรฉีดน้ำล้างก่อนในรอบแรกจากนั้นค่อยทำความสะอาดในจุดที่ต้องการ เช่น จุดที่มีคราบบางจุด คราบจากมูลนก เป็นต้น 4. ไม่ควรใช้ผ้าแห้งเช็ดรถสีดำ อย่างที่เคยได้กล่าวไว้ในตอนต้นว่า รถสีดำเป็นสีที่ต้องทะนุถนอมใส่ใจเป็นอย่างมาก หากต้องการเช็ดรถสีดำไม่ว่าตอนเปียกหรือตอนแห้ง ห้ามใช้ผ้าแห้ง ๆ […]

แอร์รถยนต์ไม่เย็น เกิดจากอะไร

หากพูดถึงปัญหาแอร์รถยนต์ไม่เย็น เป็นเรื่องที่เจ้าของรถคนไหนก็ไม่อยากพบเจอ เพราะขึ้นชื่อว่าอากาศเมืองไทย ไม่ว่าจะเดือนไหน ๆ อากาศก็ร้อนเป็นทุนเดิม แถมถ้าต้องเปิดกระจกระหว่างขับรถทนรับมลพิษทางอากาศก็ฟังดูไม่น่าอภิรมย์เท่าไหร่ แต่นอกจากปัญหาเรื่องอากาศร้อนที่น่าหงุดหงิดแล้ว แอร์รถไม่เย็นยังเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า อายุการใช้งานของรถคุณสั้นลงกว่าปกติได้ รวมถึงอาจจะต้องพบกับปัญหาบางอย่างที่ส่งผลให้รถเสียในภายหลังได้อีกมากมาย วันนี้เราจะมาพูดถึงสาเหตุแอร์รถยนต์ไม่เย็นเกิดจากอะไรได้บ้าง 1. แอร์รถไม่เย็น เพราะน้ำยาแอร์รถยนต์หมด ปกติแล้ว เวลาแอร์รถไม่เย็นหรือเย็นน้อย สาเหตุมักจะเกิดจากปริมาณน้ำยาแอร์รถยนต์มีปริมาณน้อย ทำให้มีปริมาณน้ำยาแอร์ที่ถูกส่งจากคอมเพรสเซอร์เพิ่มแรงดันเข้าสู่แผงคอยล์เย็นเพื่อไปดูดจับความร้อนภายในห้องโดยสารมีไม่มากพอ ทำให้อากาศภายในห้องโดยสารยังคงร้อนอยู่ ซึ่งการที่น้ำยาแอร์เหลือน้อยนั้นอาจจะเกิดจากการใช้งานที่ยาวนานโดยไม่ได้เติมน้ำยาแอร์ หรือเกิดจากการรั่วซึมของน้ำยาแอร์ในระบบแอร์รถยนต์ก็ได้ 2. คอมเพรสเซอร์แอร์รถยนต์มีปัญหา คอมเพรสเซอร์แอร์เป็นส่วนประกอบสำคัญที่คอยปรับอุณหภูมิภายในรถ สาเหตุของอาการ แอร์รถไม่เย็น มีแต่ลม จึงอาจจะมาจากคอมเพรสเซอร์เสื่อมสภาพในหลายๆ จุด เช่น คลัตช์ทำงานขัดข้อง, ลูกสูบภายในคอมเพรสเซอร์หลวม, สายพานคอมเพรสเซอร์หย่อน หรือคอมเพรสเซอร์มีอายุการใช้งานมาอย่างยาวนาน ฯลฯ 3. แอร์รถไม่เย็น เพราะระบบแอร์รั่ว นอกจากปัญหาเรื่องน้ำยาแอร์รถยนต์แล้ว อีกสาเหตุที่ทำให้ แอร์รถไม่เย็น ได้ก็คือ รอยรั่วซึมตามจุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณตู้แอร์ สายท่อแอร์ หรือข้อต่อ รอยรั่วเหล่านี้จะทำให้ค่าแรงดันของน้ำยาแอร์ตก ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้แอร์ไม่เย็นได้เช่นกัน รอยรั่วของระบบแอร์รถยนต์ตรวจสอบได้โดยใช้น้ำสบู่หรือผสมแชมพูตีให้เป็นฟอง จากนั้นนำไปทาตามจุดต่างๆ ถ้ามีรอยรั่ว จะมีแรงดันให้ฟองสบู่ลอยตัวขึ้นมาตามรอยต่อนั้น 4. พัดลมแอร์รถยนต์ไม่ทำงาน […]

พื้นฐานระบบไฟฟ้า รถยนต์ที่ควรรู้

ระบบไฟฟ้า

การจะมีรถยนต์สักคันนึง กว่าจะซื้อก็คิดแล้วคิดอีก เพราะราคาของมันค่อนข้างสูง กว่าจะตัดสินใจซื้อได้ ก็มีค่าใช้จ่ายมากมาย ดังนั้นเมื่อได้เป็นเจ้าของแล้วก็ย่อมที่จะหวงแหนคอยดูแลรักษาให้รถอยู่คู่ใจกับเราไปนาน ๆ ซึ่งการดูแลรักษารถยนต์นั้นมีหลาย ๆ ส่วนที่เราต้องใส่ใจ ทั้งเรื่องภายในและภายนอกรวมไปถึงเรื่องของ ระบบไฟฟ้า ภายในต่าง ๆ ในตัวรถ 1. ไดชาร์จ (Alternator) ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของรถยนต์ จะทำหน้าที่ผลิตไฟฟ้า โดยอาศัยกำลังเครื่องยนต์ทำการส่งกำลังมาทางสายพานเพื่อให้ไดชาร์จหมุนปั่นกระแสไฟออกมาใช้ทำให้รถยนต์สามารถขับเคลื่อนได้ รถยนต์ที่มีอายุการใช้งานที่นานแล้ว มักจะพบปัญหาไดชาร์จเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน เมื่อหมดอายุก็ต้องเปลี่ยนอันใหม่เพื่อให้ระบบไฟฟ้าทำงานต่อไปได้ วิธีสังเกตอาการเสื่อม เมื่อไดชาร์จมีปัญหา ระบบไฟทั้งหมดจะเริ่มอ่อนลง เช่น แอร์เริ่มไม่เย็น ไฟหน้ามีการพริบหรี่ หรือพบว่าความร้อนเพิ่มขึ้นเนื่องจากพัดลมหมุนไม่แรงพอ ระหว่างที่ไดชาร์จส่งสัญญาณอ่อนกำลัง จะยังสามารถวิ่งต่อได้อีกสักพักจนไฟหมดแล้วรถยนต์จะดับไป ช่วงที่เริ่มจับอาการได้ให้รีบประคองรถเข้าอู่เพื่อทำการซ่อมหรือเปลี่ยนโดยทันที 2. แบตเตอรี่ (Battery) ทำหน้าที่เก็บไฟสำรองเมื่อไดชาร์จปั่นกระแสไฟมา  เมื่อไฟเหลือใช้จากการปั่นไฟจะมาเก็บเอาไว้ที่แบตเตอรี่จนเต็ม เมื่อไดชาร์จผลิตกระแสไฟไม่ทันแบตเตอรี่จะออกมาจ่ายกระแสไฟทดแทนให้ รวมไปถึงตอนสตาร์ทเครื่องยนต์ที่จะมีการใช้ไฟกำลัง ระบบไฟฟ้าจึงต้องอาศัยกระแสไฟจากแบตเตอร์รี่มาหมุนไดสตาร์ทก่อน เพราะไดร์ชาร์จไม่สามารถปั่นไฟได้เพียงพอได้ในขฯนั้น เมื่อเครื่องยนต์ติด ระบบไฟฟ้าก็จะกลับเข้าสู่วงจรเดิม การดูแลรักษาแบตเตอรี่ หมั่นเปิดฝากระโปรงรถคอยตรวจเช็ค คอยเติมน้ำกลั่นอยู่บ่อย ๆ เพราะการปล่อยให้น้ำกลั่นแห้งอยู่เป็นประจำจะส่งผลให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่สั้นลง ดังนั้นการคอยเติมน้ำกลั่นจะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว 3. โวลต์ (Voltage) คือค่าความต่างศักย์ของไฟฟ้าในรถยนต์ […]

ถ้าเกิดไฟไหม้รถยนต์ ต้องทำอย่างไร

ไฟไหม้รถ

เชื่อว่าหลาย ๆ ท่าน จะพบเจอข่าว ไฟไหม้รถ ได้อยู่บ่อยครั้ง สาเหตุก็เกิดมาจากหลายปัจจัย บ้างก็เป็นที่เครื่องยนต์ร้อนสูง บ้างก็เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร รวมถึงระบบน้ำมันเชื้อเพลิงรั่วไหล ยิ่งเป็นรถเก่าสภาพใช้งานไม่ดี ก็มีโอกาสรถไฟไหม้ได้ง่าย หากคุณตกอยู่ในสถาการณ์เหล่านี้จะต้องรวบรวมสติ แล้วให้เอาชีวิตรอดตามขั้นตอนดังนี้ 1. เมื่อได้กลิ่นควันไหม้เฉย ๆ ถ้าคุณขับรถอยู่ดี ๆ ได้กลิ่นเหม็นไหม้ภายในรถ อย่าชะล่าใจเด็ดขาด กรณีที่คุณสามารถควบคุมได้พยายามจอดรถเข้าข้างทาง พร้อมดับเครื่องยนต์ แล้วติดต่อให้ช่างเข้ามาตรวจสอบ เพราะเครื่องยนต์อาจจะร้อนสูงได้เหมือนกัน ทั้งนี้ปัญหา เครื่องยนต์ร้อนสูง ควรรอให้เครื่องยนต์หายร้อนก่อน อย่างน้อย ๆ ประมาณ  20 -30 นาที  แล้วค่อยเปิดฝากระโปรงรถ จึงสามารถเติมหม้อน้ำ จากนั้นให้เปิดฝากระโปรงทิ้งไว้สักพัก เพื่อให้เครื่องยนต์เย็นลง 2. กรณีไฟไหม้เพียงเล็กน้อย สามารถควบคุมเพลิงได้เบื้องต้นตามขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้ นำรถจอดเข้าข้างทาง ดับเครื่องยนต์ และใช้ถังดับเพลิงเคมีฉีดพ่นบริเวณต้นเพลิงให้ดับสนิท แต่ถ้าคุณเห็นเปลวไฟออกมาจากกระโปรงรถ ให้ปลดสลักฝากระโปรง และฉีดพ่นผ่านทางช่องฝากระโปรงที่แง้มไว้  ห้ามเปิดฝากระโปรงในทันที เพราะทำให้ไฟไหม้ปะทุขึ้นมาจนเกิดอันตราย หลังจากไฟเริ่มสงบลงแล้ว ให้ใส่ถุงมือก่อน แล้วค่อยๆ เปิดฝากระโปรงขึ้น […]

รถยนต์ระเบิด ไฟไหม้ เกิดจากอะไร

รถยนต์ระเบิด

จากเหตุสลดที่คร่าชีวิตผู้ใช้รถใช้ถนนในบ้านเราไปแล้วมากมาย ซึ่งหลาย ๆ เหตุการณ์นั้นเกิดจากสาเหตุไฟลุกไหม้รถยนต์ จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและทรัพย์สินมากมาย หลายคนคงสงสัยว่าทำไมรถถึงเกิดไฟลุกไหม้ มันเกิดจากอะไรและมีวิธีป้องกันอย่างไร การจะเกิดเพลิงไหม้ได้นั้นโดยหลักการทั่วไปคือ “เมื่อเชื้อเพลิงเจอกับประกายไฟเมื่อใด เมื่อนั้นก็มีสิทธิ์เกิดเพลิงไหม้ได้ทุกที่” รถยนต์ที่เกิดไฟลุกไหม้ หรือ รถยนต์ระเบิด นั้นเกิดจากปัจจัยทั้ง 2 อย่างนี้เช่นกัน 1. การรั่วไหลของเชื้อเพลิง ไม่ว่าจะเป็น น้ำมัน หรือ แก๊สล้วนมีส่วนทำให้เกิดไฟไหม้รถได้ทั้ง 2 คู่ ซึ่งส่วนใหญ่การรั่วไหลของเชื้อเพลิงมักเกิดจากการชนอย่างรุนแรง ชิ้นส่วนต่างๆที่เกี่ยวข้องกับระบบเชื้อเพลิง ตั้งแต่ระบบจ่ายเชื้อเพลิงรั่วหรือฉีกขาด โดยเฉพาะท่อยางต่างๆที่เกิดการเสียหายได้ง่าย ไปจนถึงขั้นรุนแรงระดับถังน้ำมันฉีกหรือรั่วเมื่อเกิดการกระแทกอย่างรุนแรง เป็นสาเหตุให้มีเชื้อเพลิงรั่วออกมาอย่างรวดเร็ว สำหรับรถที่จอดอยู่เฉยๆก็มีโอกาสเกิดไฟไหม้ได้เช่นกัน ถ้าชิ้นส่วนของระบบเชื้อเพลิงเกิดการชำรุด ฉีกขาด ตรงนี้ก็เสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้ได้ไม่แพ้กัน 2. การเกิดประกายไฟ ตัวแปรหลักที่ทำให้รถยนต์เกิดไฟลุกไหม้ ซึ่งรถยนต์แต่ละคันนั้นมีระบบไฟฟ้าเป็นตัวควบคุมการทำงานต่างๆและจ่ายไฟให้อุปกรณ์ต่างๆมากมาย มีแบตเตอรี่เป็นตัวเก็บประจุไฟฟ้า เมื่อไฟฟ้าเกิดรั่วหรือรัดวงจรก็เป็นสาเหตุให้ประกายไฟจนรุกรามและกลายเป็นเหตุสลดที่เราเห็นกันในข่าว ดังนั้นเราควรหันมาใส่ใจทั้งระบบไฟและระบบเชื้อเพลิงให้มากขึ้นเพื่อป้องกันเหตุเพลิงไหม้ที่อาจเกิดขึ้นกับใครก็ได้ วิธีป้องกันไฟไหม้รถ มีขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้ 1. ตรวจดูระดับน้ำหล่อเย็น ดูร่องรอยการรั่วซึมของน้ำและคราบน้ำมันตามจุดต่างๆ บริเวณห้องเครื่องยนต์ และพื้นโรงรถเป็นประจำ สภาพสายไฟของตัวรถ ควรอยู่ในสภาพที่ดีไม่ควรมีร่องรอยฉีกขาดเห็นลวดทองแดง ดูท่อทางเดินน้ำมันดูว่ามีรอยฉีกขาดหรือหมดสภาพ ถ้ามีตรงไหนผิดปกติควรเปลี่ยนใหม่ให้เรียบร้อย 2. […]

วิธีถอดเปลี่ยนยางอะไหล่เอง

เปลี่ยนยางอะไหล่

เป็นเรื่องที่หนีไม่ได้เลยสำหรับผู้ใช้รถกับเหตุการณ์ยางรั่วซึม ถ้าอยู่ในเมืองก็ดีหน่อยโทรเรียกศูนย์บริการยางมาเปลี่ยนให้ได้