ประเภทของรถยนต์ ในปัจจุบัน

ในโลกของอุตสาหกรรมยานยนต์ ไม่ได้มีเพียงแค่คำเรียกที่เราคุ้นชิน เช่น รถเก๋ง รถกระบะ หรือรถตู้ เท่านั้น  เพราะจริง ๆ แล้วรถแต่ละประเภทก็มีชื่อเรียกที่แตกต่างกันออกไปอีก ซึ่งรถยนต์ก็ไม่แตกต่างจากรถมอเตอร์ไซค์ ที่มีการแบ่งแยกรูปแบบรวมถึงสไตล์ตัวถังสำหรับการใช้งานต่างกันออกไป ซึ่งวันนี้เราจะพาท่าน ไปทำความรู้จักประเภทรถยนต์กันให้มากขึ้น

  1. Sedan รถยนต์ที่หลาย ๆ คนคุ้นเคยกันดีกับรถเก๋งซีดาน หรือที่เรียกอีกอย่างว่า Saloon (นิยมใช้เรียกในยุโรป) โดยมีจุดเด่นที่มีขนาดกระทัดรัด มี 4 ประตูและเป็นแบบมาตรฐานในการผลิตรถยนต์ อีกทั้งยังมีการแยกโซนสำหรับห้องสัมภาระและห้องโดยสาร  ตัวถังมีขนาดที่หลากหลาย ที่สำคัญการผลิตรถยนต์ประเภทนี้ยังครอบคลุมทั้งรถธรรมดาจนถึงรถหรูด้วย ตัวอย่างเช่น  Honda Civic, Toyota Vios, Hoda Accord, Toyota Camry, Mazda 3, BMW 3 Series เป็นต้น
  2. Hatch Back เป็นรถยนต์ที่มีลักษณะเหมือนกับรถประเภทแรก แต่จะมีความแตกต่างตรงที่ช่วงท้ายมีลักษณะตัด และยังมีให้เลือกทั้งรุ่น 3 ประตูและ 5 ประตู นับจากประตูฝั่งซ้าย – ขวา และฝากระโปรงหลังเป็น 1 ประตู ด้านท้ายรถยังมีพื้นที่ให้บรรจุสัมภาระเพิ่ม หรือสามารถพับเบาะแถวสองของรถเพื่อช่วยในการเพิ่มพื้นที่ได้ เหมาะกับการปรับแต่งการใช้งานได้หลากหลาย ตัวอย่างเช่น Honda City Hatchback, Suzuki Swift, Toyota Yaris, Mitsubishi Mirage, Nissan March, Honda Jazz เป็นต้น
  3. Coupe รถคูเป้ เป็นรถยนต์แบบสปอร์ตที่มี 2 ประตู มีการออกแบบหลังคาให้มีความลาดตรงช่วงท้าย โดยยังมีให้เลือกทั้งแบบ 2 ที่นั่งหรือ 4 ที่นั่งตามขนาดของตัวถังรถยนต์ เป็นรถสปอร์ตที่ไม่สามารถเปิดประทุนได้ เน้นการขับขี่โดยเฉพาะ ตัวอย่างเช่น Toyota GR86, Ford Mustang, Porsche Boxster, MG5, Mercedes-Benz CLS และ BMW X6 SUV เป็นต้น
  4. Liftback รถยนต์ประเภทนี้เป็นรถที่มักจะไม่ค่อยพบเห็นมากเท่าไหร่ โดยจะมีลักษณะคล้ายรถ Sedan และ Coupe แต่จะมีความแตกต่างตรงที่ฝากระโปรงหลังของ Liftback จะต่อเนื่องเป็นชิ้นเดียวกับกระจกบังลมหลัง เวลาที่เปิดฝากระโปรงหลังกระจกบังลมหลังก็จะถูกเปิดขึ้นด้วย โดยมีการนำเอาข้อดีของรถซีดานมาประยุกต์ใช้ในการออกแบบให้ตรงตามหลักอากาศพลศาสตร์มากขึ้น ตัวอย่างเช่น Toyota Prius, Mercedes Benz CLS Class เป็นต้น
  5. PPV รถ PPV ย่อมาจากคำว่า Pick-Up Passenger Vehicle ซึ่งก็คือรถอเนกประสงค์ที่ดัดแปลงมาจากรถกระบะนั่นเอง ที่พิเศษคือ PPV คือชื่อเรียกที่เรียกกันเฉพาะในไทยเท่านั้น รถ PPV เป็นการนำรถกระบะรุ่นที่มีทั้งขับเคลื่อน 2 ล้อและ 4 ล้อ หรือรุ่นยกสูงมาดัดแปลงกลายเป็นรถยนต์โดยสาร โดยจุดเด่นของรถประเภทนี้อยู่ที่พื้นที่ภายในสามารถรองรับได้สูงสุด 7 ที่นั่ง และสามารถเสริมฟีเจอร์ได้มากกว่า SUV สามารถลุยเส้นทางได้หลากหลายกว่า ตัวอย่างเช่น Isuzu Mu-X, Mitsubishi Pajaro, Ford Everest และ Toyota Fortuner เป็นต้น
  6. MPV รถ MPV หรือรถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ย่อมากจากคำว่า Multi Purpose Van จัดเป็นรถเอนกประสงค์ประเภทหนึ่งที่ออกแบบมาให้รองรับผู้โดยสารได้จำนวนมาก โดยส่วนใหญ่แล้วรถ MPV จะสามารถนั่งได้ประมาณ 5 – 7 คน และยังมีพื้นที่เพียงพอสำหรับใส่สัมภาระขนาดใหญ่อีกด้วย หรืออาจมองได้ว่ารถ MPV ก็คือมินิแวนที่เหมาะกับครอบครัวที่มีสมาชิกหลายคนนั่นเอง ตัวอย่างเช่น Suzuki Ertiga GL, Honda Mobilio S, Toyota Sienta, Honda BR-V, Suzuki XL7 GLX เป็นต้น
  7. Pick up ปิกอัพหรือที่เราคุ้นหูกันดีว่ารถกระบะนี้ เป็นรถที่มีลักษณะเด่นของตัวรถที่มีการแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนหน้าเป็นห้องโดยสารทั่วไป และส่วนหลังเป็นกระบะสำหรับบรรทุกของ รวมไปถึงสามารถเปิดท้ายได้ ซึ่งพื้นที่โดยสารนั้นจะแบ่งออกเป็นแบบ 2 ที่นั่งและ 4 ที่นั่ง  ส่วนขนาดของกระบะนั้นจะขึ้นอยู่กับขนาดของห้องโดยสาร รถกระบะยังเหมาะกับการใช้งานหนัก โดยเฉพาะการบรรทุกของ การขับขี่ที่สมบุกสมบันอย่างการขับออฟโรดได้ อีกทั้งยังเป็นประเภทรถยอดนิยมในเมืองไทยด้วย ตัวอย่างเช่น Isuzu D-Max X-Series, Isuzu D-MAX V-Cross, Toyota Hilux Revo, Mazda BT-50 Double Cab เป็นต้น
  8. Van สำหรับรถประเภทนี้จะมีจุดเด่นที่หลังคาสูงใหญ่ ให้ความสะดวกสบายในการโดยสาร มาพร้อมกับประตูสไลด์ทำให้ง่ายต่อการเข้า – ออก ภายในห้องโดยสารยังสามารถปรับเบาะได้ และตัวรถยังมีการยกสูงด้วย ทำให้คล่องตัวต่อการเข้าออก เป็นรถที่ออกแบบมาเพื่อการรองรับผู้โดยสารจำนวนมาก อีกทั้งยังเหมาะกับเป็นรถครอบครัวด้วย ตัวอย่างเช่น Hyundai Staria, Toyota Hiace เป็นต้น
  9. Cabrio หลาย ๆ คนคงจะคุ้นเคยกับรถรุ่นนี้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นรถที่เรียกอีกชื่อว่า รถเปิดประทุน (Convertible) หรือรถสปอร์ต 2 ประตู โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีที่นั่งจำกัดเพียงแค่ 2-4 ที่นั่งเท่านั้น รถยนต์ประเภทนี้จะมีจุดเด่นตรงที่หลังคาสามารถเปิด – ปิดได้ สามารถเปิดหลังคารับชมทัศนียภาพในวันที่อากาศดี ๆ ได้ แต่ที่สำคัญรถประเภทนี้จะมีราคาแพงเป็นพิเศษ นอกจากนี้ยังมีบางรุ่นที่สามารถถอดยกออกได้ หรือเป็นหลังคาแข็งแบบแก้ว หรือ Targa ตัวอย่างเช่น BMW Z4 Roadster M40i, Mercedes Benz SL Roadster เป็นต้น
  10. Sports car ในส่วนของรถกลุ่มนี้จะต่อยอดมาจากตัวถังคูเป้เป็นหลัก แต่มีบางรุ่นที่เป็นแบบ 4 ประตู โดยจะมีเน้นการออกแบบให้ลู่ลมมากที่สุด และเกาะถนนมากที่สุด อีกทั้งยังมีกำลังเครื่องยนต์สูง มีการออกแบบท้องรถให้ต่ำ ล้อขนาดใหญ่ เครื่องยนต์จะถูกวางไว้ตรงกลางหรือด้านหลัง มีการใช้วัสดุน้ำหนักมาประกอบ นอกจากนี้รถสปอตร์คาร์ยังมีการแบ่งออกตามกำลังของเครื่องยนต์ด้วย ตัวอย่างเช่น BMW 3 Series, BMW 2 Series, Subaru WRX, Mazda MX-5, Audi TT, Ford Mustang, Mercedes-Benz CLA, BMW Z4, Toyota Supra เป็นต้น