ถ้าหากคุณต้องการจะซื้อรถมือสองในเวลานี้ นอกจากเราจะต้องตรวจดูสภาพรถอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทั้งตัวถังรถ สีรถ เครื่องยนต์ เกียร์ ช่วงล่าง สภาพภายในรถ รวมไปถึงการทดลองขับขี่ ฯลฯ แต่สิ่งสำคัญที่สุดอีกอย่าง นั่นคือคุณต้องดูด้วยว่า “รถคันนี้ เป็น รถน้ำท่วม หรือไม่”
แต่จะดูอย่างไรว่า “รถมือสอง” คันไหนเป็น รถน้ำท่วม มา กรณีผู้ขายไม่แสดงความจริงใจ แม้อาจตรวจสอบได้ไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ ยิ่งรถที่โดนน้ำท่วมน้อย หรือท่วมไม่นาน จะสังเกตได้ยากมากเข้าไปอีก แต่จำเป็นต้องรู้และดูให้ละเอียดที่สุดในจุดที่ซ่อนได้ยาก ดังนี้
1. เช็คตัวถัง หาสนิม จุดแรกที่ควรสังเกตกันก่อนเลย นั่นคือ สภาพตัวถังรถ ซึ่งหลายคันภายนอกอาจจะทำการสาดสีใหม่มาแล้ว ก็อาจจะสังเกตยากหน่อย แต่ในกรณีที่ยังเป็นสีเดิมๆ ของตัวรถ ก็ขอให้สังเกตดูในบริเวณรอยตะเข็บตัวถังจุดต่างๆ ของรถ โดยเฉพาะใต้ท้องรถ ใต้กันชน ขอบยางประตูรถ พวกน็อตยึดต่างๆ หรือบริเวณแชสซีส์รถ ถ้ามีสนิมขึ้นในที่ที่ไม่น่าจะมี เช่น มุมที่ไม่ได้อยู่บริเวณด้านล่างของตัวรถ ชายล่าง ก็ให้สงสัยไว้ก่อนว่า อาจเป็นไปได้ว่าเคยแช่น้ำ แช่โคลน หรือจมน้ำมาก่อน
2. ระบบไฟฟ้า ขึ้นชื่อว่าน้ำกับไฟย่อมไม่ถูกกัน เมื่อไฟเจอน้ำก็มักจะช็อต ซึ่งอาจจะทำให้ระบบไฟในรถมักรวน เพราะมีความชื้นอยู่ในแผงวงจร สายไฟ หรือแผงฟิวส์ ส่งผลให้การทำงานของระบบไฟฟ้าในรถ เดี๋ยวใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง วิธีสังเกต ให้ลองสตาร์ทรถดูการทำงานของเครื่องยนต์ ดูระบบไฟฟ้าต่าง ว่าทำงานได้ปกติหรือไม่ ยกเว้นว่าคันที่จะเปลี่ยนระบบไฟฟ้า หรือเดินสายไฟมาใหม่ อันนี้ก็อาจยากที่จะสังเกต
3. เครื่องยนต์ รถยนต์ที่ถูกน้ำท่วมบริเวณเครื่องยนต์ มักจะถูกยกและถอดออกมาทำความสะอาดขจัดคราบน้ำและโคลนที่เข้าไป แต่หลายๆ อู่ มักจะไม่เปลี่ยนน๊อตที่ประกอบเครื่องยนต์ใหม่เท่าไหร่ ก็อาจจะสังเกตตรงจุดได้ว่าถ้าเห็นชิ้นส่วนน็อตที่ขึ้นสนิม หรือมีร่องรอยการถอดประกอบเครื่อง โดยเฉพาะรอยยากาวตรงฝาสูบ หรือสังเกตตรงฝาตาน้ำเครื่องยนต์ เป็นต้น แต่ในกรณีที่เจ้าของเดิมยกเครื่องยนต์ใหม่มาวางแทนเครื่องยนต์เดิม อันนี้ก็อาจจะสังเกตได้ยากหน่อย
4. เครื่องมือช่างประจำรถ ชุดเครื่องมือช่างประจำรถ เช่น ประแจ หรือแม่แรง มักจะเก็บไว้ในท้ายรถ บริเวณยางอะไหล่ อาจสังเกตได้หากชุดเครื่องมือเหล่านี้มีสนิมขึ้นอยู่ รวมถึงบริเวณยางอะไหล่ ตามรอยอาร์ค รอยยาแนว อาจสังเกตได้จากคราบดำๆ หรือคราบน้ำ คราบโคลน ที่อาจมีติดฝังแน่นอยู่
5. กลิ่นในห้องโดยสาร เรื่องกลิ่นนี่ก็พอจะบ่งบอกได้ว่า รถคันนี้เคยถูกน้ำท่วมมาเช่นกัน แม้ว่ารถที่นำมาขายจะถูกปรับปรุงสภาพมาแล้วก็ตาม ซึ่งพรม และเบาะนั่ง จะถูกนำออกไปซักและตากแดด หรือถูกเปลี่ยนเป็นของใหม่ กลิ่นในห้องโดยสารที่ติดอยู่ตามซอกมุมต่างๆ ของตัวถังรถ อันนี้เป็นเรื่องยากที่จะกำจัด เนื่องจากน้ำที่ท่วมเป็นน้ำโคลน กลิ่นต่างๆ จะติดอยู่ได้นาน
แน่นอนว่า คงไม่ได้มีใครอยากซื้อรถมือสองที่โดนน้ำท่วมมาแล้วอย่างไม่สมัครใจ (ยกเว้นผู้ขายประกาศชัดเจน) ซึ่งการตรวจสอบอย่างละเอียดก็ทำได้ไม่ง่ายนัก โดยเฉพาะคนที่ไม่มีความรู้ในการเลือกซื้อ “รถยนต์มือสอง” ยิ่งค่อนข้างน่าห่วง ขนาดที่ว่ารู้แล้วยังพลาดก็มี เพราะเหนือฟ้ายังมีฟ้า หากไม่มั่นใจควรอาศัยผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ขายที่ไว้ใจได้จะดีที่สุด
รู้ปัญหาที่แท้จริงของอาการเสีย ซ่อมได้ทุกอาการ เบนซ์วงศ์สว่าง ..ทางเลือก....ของคนฉลาดเลือก
- โทรเลย : 090-9234000
- โทรเลย : 0909530000
- FACEBOOK : benzwongsawang